สารจากคณะกรรมการบริษัท

"สวัสดีผู้ถือหุ้นทุกท่าน
บริษัทของเรามีผลประกอบการที่น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่งในปีพุทธศักราช 2566 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะต้องเผชิญกับปัจจัยหลายประการที่ส่งผล กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกจากปีที่ผ่านมาจวบจนถึงปัจจุบันที่ปัญหาต่างๆยังคงดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบอันยืดเยื้อจากโรคระบาด ความ ขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย และอิสราเอล-ปาเลสไตน์ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจโลกที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันของแต่ละประเทศ ทำให้บริษัทฯ ต้องรับมือ กับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ซับซ้อนมากขึ้น อีกทั้งยังต้องเผชิญความท้าทายจากนโยบายทางเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมา เช่น นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น การถอนการสนับสนุนทางการเงินในภาวะหนี้สูง และรูปแบบสภาพอากาศที่รุนแรง ที่ทำให้การดำเนินงานของบริษัทเราติดขัดทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ"
คณะกรรมการบริษัท
บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน)

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตทั่วโลก 3% ในปีพุทธศักราช 2566 และอาจชะลอตัวลงเหลือ 2.9% ใน ปีพุทธศักราช 2567 ทั้งนี้แนวทางการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศไทยเองยังสอดคล้องกับสถานการณ์โลกเช่นกัน ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง 0.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (Year-on-Year) จากอัตราเติบโตเดิมของปีพุทธศักราช 2566 อยู่ที่ 2.5% ซึ่งสาเหตุสำคัญของผลที่ลดลง เกิดจาก ประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ด้อยลงในไตรมาสที่สาม โดยมีส่วนเกี่ยวเนื่องมาจากการที่หุ้นสะสมและการส่งออกลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น การเลือกตั้งภายในประเทศก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ทำให้การดำเนินงานในภาพรวมของบริษัทฯ มีความท้าทายมากขึ้น

ในปีพุทธศักราช 2566 บริษัทของเราได้ประสบความสำเร็จในการระดมทุนผ่านการขายหุ้นแบบเจาะจง (Private Placement) เพื่อขยายกิจการ บริษัทไปสู่ระดับโลก ทั้งนี้การร่วมหุ้นกับบริษัท เวล สยาม จำกัด ที่มีบริษัทชั้นน่าของประเทศญี่ปุ่นอย่าง บริษัท มารุเบนิ คอร์ปอเรชัน จำกัด (Marubeni Corporation) เป็นผู้ถือครองและบริหารจัดการ จึงเป็นอีกหมุดหมายสำคัญที่ทำให้บริษัทของเราพัฒนาเติบโต ความร่วมมือครั้งนี้จะเสริมสร้างภาพ ลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของเราในเวทีระดับสากลและการสนับสนุนผ่านทางเครือข่ายจากทั่วโลก โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งการขยายกิจการด้วย เงินทุนเพียงอย่างเดียวต้องพึ่งการขยายกิจการด้วยเงินทุนเพียงอย่างเดียว

สืบเนื่องจากโอกาสทางการค้าที่เพิ่มขึ้นและการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง รวมไปถึงผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจในปีงบประมาณที่ผ่าน มา บริษัทฯ ยังคงแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่ยั่งยืนและศักยภาพในการสร้างกำไรที่มากขึ้น ซึ่งมีรายได้จากการดำเนินงานรวม 2,455.49 ล้านบาทในช่วง ปีงบประมาณที่ผ่านมา มีอัตราเพิ่มขึ้น 30.95% จากปีพุทธศักราช 2565 กำไรสุทธิอยู่ที่ 27.57% หรือ 660.96 ล้านบาท ดังจะเห็นว่าพล ประกอบการรายปี (Year-on-Year) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยคิดเป็น 102.13% ทั้งนี้ ผลค่าไรที่เกิดขึ้น แจกแจงออกมาเป็นท่าไรจากธุรกิจความ งามและเครื่องสำอาง มูลค่า 2,397.52 บาท ซึ่งมีอัตราเพิ่มขึ้น 30.34% จากปีก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ทำไรที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้น (Unrealized Prot) อาทิ หุ้น MGI จำนวน 85 ล้านบาท เป็นส่วนช่วยเกื้อหนุนสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ประกอบกับรายได้จากอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ อีก 26.15 บาท ที่สามารถเพิ่มทำไส้ดยรวมให้กับบริษัทอีกทางหนึ่ง จึงกล่าวได้ว่า บริษัทฯ มีแหล่งรายได้มากมายและมีความสามารถในการทำทำไรที่ยั่งยืนในภาค ส่วนต่างๆ และเนื่องจากเศรษฐกิจระดับมหภาคเริ่มดีขึ้น บริษัทฯ จึงได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (Interim Dividend) เป็นจำนวน 248.60 ล้านบาท คิดเป็น 0.26 บาทต่อหุ้นในปีที่ผ่านมา

ในส่วนของอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นนั้น ได้แสดงให้เห็นถึงการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพของบริษัทฯ ด้วยการให้ผลตอบแทนเป็นจำนวน 29.10% โดยที่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 20.74% บ่งชี้ถึงการใช้สินทรัพย์อย่างมีประสิทธิผล ซึ่งสะท้อนให้เห็นทำไรสะสมที่มีมูลค่าน่าพึง พอใจเช่นกัน ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 843.62 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าคาร์มาร์ทเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

สุดท้ายนี้ ในฐานะตัวแทนของคณะกรรมการ ผมขอแสดงความขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่าน และขอขอบคุณพนักงานทุกคนอย่างยิ่งที่ทุ่มเทเพื่อบริษัท ของเรา ทั้งยังช่วยกันผ่าฟันความท้าทายมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา การปรับตัวและความมุ่งมั่นของทีมงานคาร์มาร์ทเป็นพละกำลังสำคัญอย่างยิ่ง เรายังคงมุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในปีต่อๆ ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงธุรกิจระหว่างประเทศ ดังนั้น เราจึงขอเชิญทุกท่าน มาร่วมเป็นสักขีพยานและเป็นส่วนหนึ่งของการมุ่งสู่วิสัยทัศน์ของบริษัทฯ เพื่อเป็นหนึ่งในผู้นำทางด้านธุรกิจความงามสำหรับทุกคนทั่วโลก