การตลาดและการขาย

ในด้านช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทมีช่องทางหลัก 5 ช่องทาง ได้แก่

ช่องทางร้านค้าโมเดิร์นเทรด (Modern Trade)

เป็นช่องทางการค้าสมัยใหม่ในแบบการค้าปลีก โดยมีจุดเด่นคือมีสินค้าหลากหลายรูปแบบ มีการจัดระเบียบร้านค้าเป็นหมวดหมู่ ตกแต่งสวยงาม อยู่ในพื้นที่ที่สะดวกแก่การเข้าถึง เช่น ห้างสรรพสินค้า ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าที่ต้องการได้ด้วยตนเอง ได้แก่

  • ร้านสะดวกซื้อ

จำหน่ายสินค้าปลีกขนาดพกพา สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ง่ายเนื่องจากมีจำนวนสาขามาก และกระจายอยู่ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ได้แก่ 7-Eleven, 24 Shopping, Family Mart, jiffy, Big C Mini, Lotus’s go Fresh, Tops Daily, Turtle Shop และ Lawson108 เป็นต้น

  • ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ต/ไฮเปอร์มาร์เก็ต และดิสเคาท์สโตร์

จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่หลายหลาย มีสินค้าจำนวนมากให้ผู้บริโภคเลือกสรร เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและมีความต้องการสินค้าในจำนวนมากเพื่อการอุปโภคบริโภคหรือการค้าส่งในลักษณะ SMEs ได้แก่ Tops, Home Fresh Mart, Gourmet Market, Food Hall, Tesco Lotus, Big C, CJ Express, Max Valu, Makro เป็นต้น

  • ร้านค้าบิวตี้สโตร์

จัดจำหน่ายสินค้าเครื่องสำอาง กลุ่มสินค้าดูแลผิว ดูแลเส้นผม และผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคด้านความงามในรูปแบบต่างๆ และยา ซึ่งถือเป็นศูนย์รวมสินค้าความงามที่มีความทันสมัย มีกลุ่มสินค้าหลากหลายที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี ได้แก่ Watsons, Boots, Beautrium, EVEANDBOY,Tsuruha เป็นต้น และร้านค้ากลุ่มยา จำหน่ายยาและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพ เช่น อาหารเสริม เวชสำอางต่างๆ ได้แก่ I Care, eXtra Plus เป็นต้น ซึ่งถือเป็นช่องทางขายที่ช่วยขยายตลาดไปสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ได้อีกช่องทางหนึ่ง

  • ร้านค้าขายตรงผ่านแค็ตตาล็อก

แหล่งรวบรวมสินค้าหลากหลายชนิดที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าผ่านการนำเสนอสินค้าในรูปแบบแค็ตตาล็อก โดยมีพนักงานตัวแทนขายเป็นสื่อกลางในการให้บริการสั่งซื้อสินค้า ซึ่งจะติดต่อกับลูกค้าโดยตรง ทำให้สามารถเข้าถึงความต้องการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ได้แก่ Friday Catalog เป็นต้น

สำหรับภาพรวมในปี 2565 ช่องทาง Modern trade ยังคงเป็นช่องที่มีความสามารถในการสร้างยอดขายอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถาณการณ์ Covid-19 มีสภาวะดีขึ้นอย่างมีนัยยะ ทำให้ผู้บริโภคกลับมาเลือกซื้อสินค้าผ่านทางช่องทาง Offline มากขึ้น ซึ่งทำให้ในปี 2565 ยอดขายเติบโตจากปี 2564 เป็นอย่างมาก

ช่องทางร้านค้าตัวแทนจำหน่าย (Traditional Trade)

เป็นช่องทางการค้าแบบดั้งเดิมที่ใช้กระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภคโดยอาศัยคนกลาง ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันจะมีร้านค้าโมเดิร์นเทรดกระจายตัวอยู่ในทุกพื้นที่ แต่ช่องทางการค้าแบบดั้งเดิมยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างยอดขายให้แก่บริษัท เนื่องจากสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุมในทุกพื้นที่ของประเทศไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ หรือพื้นที่ขนาดเล็ก โดยปัจจุบันบริษัทมีร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่จำหน่ายสินค้าของบริษัทกระจายตัวอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ ได้แก่

  1. ร้านค้าบิวตี้สโตร์ (Beauty Store) เป็นร้านค้าที่จำหน่ายเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคด้านความงามและเครื่องสำอางเท่านั้น โดยจำหน่ายทั้งในรูปแบบค้าปลีกและค้าส่ง ถือเป็นช่องทางในการกระจายสินค้าสู่กลุ่มลูกค้าชุมชนได้เป็นอย่างดี
  2. ซุปเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่น (Local Supermarket) ตั้งอยู่ในพื้นที่แหล่งชุมชนในเมืองที่ผู้คนเดินทางสะดวก มีความใกล้ชิดกับผู้บริโภคในท้องถิ่น รู้จัก เข้าใจ และเข้าถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคในท้องถิ่นนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี จำหน่ายสินค้าทั้งอุปโภคและบริโภค
  3. ร้านค้าออนไลน์ (Online) ร้านตัวแทนจำหน่ายที่จำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น ลาซาด้า ช้อปปี้ เป็นต้น และการขายผ่าน Social Media ของร้านค้าเอง เช่น การไลฟ์สดผ่าน Facebook
  4. ร้านค้ากลุ่มยา (Drug Store) จำหน่ายสินค้าเวชสำอางและสินค้าสุขภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม สินค้าเกี่ยวกับการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอลล์ล้างมือ ทิชชู่เอนกประสงค์ เป็นต้น
  5. ร้านค้าเฉพาะกลุ่ม (Specialty) เช่น โรงพยาบาล, โรงแรม, โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยจำหน่ายสินค้าเพื่อประโยชน์ใช้สอยภายในองค์กร

นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนจำหน่ายประเภทหน่วยรถเงินสด (Cash Van) ที่ช่วยกระจายสินค้าขนาดเล็กไปยังพื้นที่ชุมชนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เช่น ร้านโชว์ห่วย ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่นขนาดเล็ก ร้านค้าชุมชนตามอำเภอและกิ่งอำเภอต่างๆ ตามกลยุทธ์การขยายตลาดในส่วนร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่น จึงทำให้สามารถกระจายสินค้าเข้าสู่ผู้บริโภคในชุมชนได้อย่างหลากหลาย ช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนชุมชนแบบปากต่อปาก เกิดความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้า และในปี 2566 บริษัทจะมุ่งเน้นการเจาะกลุ่มตัวแทนจำหน่าย (Distributor) รายใหม่ กระจายในแต่ละภูมิภาค เพื่อเพิ่มช่องทางในการกระจายสินค้าไปสู่ร้านค้าท้องถิ่นในชุมชนให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอยู่กว่า 10 ราย โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนตัวแทนจำหน่าย และร้านค้าชุมชนให้มากขึ้น โดยเน้นขยายตลาดในกลุ่มสินค้าตลาดมวลชน (Mass Products) ได้แก่ กลุ่ม Personal Care เป็นหลัก เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มได้อย่างครอบคลุม

ช่องทางร้านค้าคาร์มาร์ท (KARMART SHOP)

18
ร้าน คาร์มาร์ท ทั่วประเทศ

เป็นช่องทางการขายสินค้าที่ดำเนินการโดยบริษัทเอง จัดตั้งขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าทุกรายการของบริษัทได้อย่างสะดวกสบายภายใต้ราคาและโปรโมชั่นที่จูงใจหลากหลายรูปแบบ ช่วยให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นและเกิดความจงรักภักดีในแบรนด์สินค้า ช่วยให้บริษัทได้ศึกษาและเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างแบรนด์กับลูกค้าผ่านการให้บริการของพนักงานขายของบริษัทที่ได้รับการฝึกอบรมให้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสินค้าทุกรายการได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีใจรักบริการ พร้อมดูแลลูกค้าทุกคนด้วยความเต็มใจอย่างสุดความสามารถ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการพัฒนาระบบ CRM เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ เป็นการช่วยส่งเสริมในด้านการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งมีโครงการร่วมกับพาร์ทเนอร์ในธุรกิจต่างๆ หลากหลายรูปแบบ ได้แก่ สถาบันการเงิน บัตรสะสมแต้ม ร้านค้าอื่นๆ เช่น ร้านขนม เครื่องดื่ม เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่และมอบสิทธิพิเศษแทนคำขอบคุณให้กับลูกค้าทุกคนมากขึ้น โดยในปัจจุบันมีร้านคาร์มาร์ทช็อปในประเทศไทย ทั้งหมด 18 สาขา ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 17 สาขา และพื้นที่ต่างจังหวัด 1 สาขา โดยมีทำเลที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ คอมมูนิตี้มอลล์ สถานีรถไฟฟ้า และสาขา Outlet เป็นต้น

นอกจากนี้ ในปี 2565 ได้มีการขยายร้านค้าในนามแบรนด์รื่นรมย์ 10 สาขา โดยสาขาทั้งหมดดำเนินการในรูปแบบบริษัทลงทุนเป็นเจ้าของเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการบริหารจัดการร้านค้าทั้งในด้านภาพลักษณ์ความสวยงาม คุณภาพของพนักงานขาย รวมทั้งสต็อคสินค้าให้พร้อมจำหน่ายและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ช่องทางส่งออก (Export)

บริษัทมีการขยายตลาดไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยการลงพื้นที่ศึกษาตลาด และสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดร่วมกับคู่ค้าหรือพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ Sole Distributor, Distributor และ Joint Venture โดยในปัจจุบันบริษัทมีจุดจัดจำหน่ายในต่างประเทศทั้งหมด 16 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม เมียนมาร์ ลาว ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น คูเวต อิรัก บังคลาเทศ รัสเซีย เปรู และบาห์เรน โดยในแต่ละประเทศจะทำการตลาดทั้งในช่องทางออฟไลน์ ได้แก่ ร้านค้าโมเดิร์นเทรดชั้นนำ เช่น 7-Eleven, Family Mart, Big C, Watsons รวมถึงห้างท้องถิ่นชั้นนำด้วย และในช่องทางออนไลน์ทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์ม Marketplace เช่น Lazada, Shopee, Amazon รวมไปถึงร้านค้าบิวตี้ออนไลน์ เช่น Watsons, Zalora เป็นต้น ซึ่งนอกจากการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายตามข้างต้นแล้วยังมีการจำหน่ายสินค้าให้กับร้านค้าตัวแทนในประเทศไทยที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดน เพื่อกระจายสินค้าไปยังร้านค้าตัวแทนในต่างประเทศอีกด้วย

สำหรับภาพรวมในปี 2565 มียอดขายเติบโตในกลุ่มตลาดอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น มียอดขายเติบโตสูงจากสินค้ากลุ่ม Makeup แบรนด์เคที่ดอลล์ โดยมีจุดจำหน่ายในร้านค้าโมเดิร์นเทรดชั้นนำ มากกว่า 30 แห่ง อาทิเช่น TRIAL, Welcia, Tsuruha, Kawachi Pharmaceutical, Toshiya Pharmacy,Thank you drug, Drug Store Mori, Fit Care Depot, Don Quijote, Heiwado เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการเจาะตลาดใหม่ในประเทศคูเวตด้วยสินค้ากลุ่ม Skincare แบรนด์เคที่ดอลล์ในช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซด์บิวตี้ออนไลน์ชั้นนำอีกด้วย

ถึงแม้ประเทศพม่า จะมีสถานการณ์ไม่ปกติ แต่การกระจายและจัดจำหน่ายสินค้ายังคงมีการเติบโตได้ดีและในปี 2565 กลุ่มตลาดออนไลน์ในตะวันออกกลางมีการเติบโตได้ดีมากเช่นกัน เพราะมีการลงทุนอย่างจริงจังผ่าน Sole distributor

ช่องทางออนไลน์ (Online)

3 ประเภท
ของช่องทางออนไลน์ของบริษัทฯ ในปัจจุบัน

ในปี 2565 ช่องทางออนไลน์ยังมีบทบาทสำคัญในการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปอย่างมาก ยังคงให้ความสนใจและต้องการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้ช่องทางออนไลน์ขยายในทุกๆ รูปแบบในการขายสินค้า ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซด์ แพลตฟอร์ม Marketplace รวมไปถึง Social Media ในรูปแบบต่างๆ เช่น LINE, Facebook หรือ Tiktok เป็นต้น สำหรับบริษัทมีช่องทางการขายออนไลน์ 3 ประเภท ได้แก่

ช่องทางการขายออนไลน์ของบริษัทฯ ในปัจจุบันมี 3 ประเภท
  • การขายผ่านเว็บไซต์ของบริษัท ได้แก่ www.karmarts.com และwww.reunrom.com
  • การขายผ่าน Social Commerce ของบริษัท ได้แก่
    • LINE OA: @karmart, @karmarts_onlineshop, @reunrom_everyday, @jejuvita
    • Facebook / IG : Karmartsclub ผ่านการโพสต์ หรือไลฟ์ขายสินค้า
    • Tiktok : Karmartsclub
  • การขายผ่านแพลทฟอร์ม E-commerce ต่าง ๆ ได้แก่
    • Marketplace : Lazada, Shopee, JD Central, Central Online, NocNoc, Buzzebees
    • E-commerce partner : Konvy, ShopAt24 (รูปแบบ Consignment) เป็นต้น

ภาพรวมในปี 2565 มีการขยายตลาดในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้น และเพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ของแบรนด์มากขึ้น เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุมและสามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างรวดเร็ว จึงได้มีการขยายร้านค้าออนไลน์เฉพาะแบรนด์ ใน Lazada / Shopee ได้แก่ แบรนด์ Reunrom, Browit, Cathydoll เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการทำการตลาดในช่องทางออนไลน์ใน Social commerce ใหม่ ๆ ที่ขณะนี้เป็นที่สนใจอย่างมากของกลุ่มลูกค้า ขยายฐานลูกค้าใหม่ เช่น Tiktok โดยมีเปิดร้านค้าใน Tiktok Karmartclub เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าได้ในรูปแบบการนำเสนอสินค้าที่เป็นรูปแบบคลิป สร้างคอนเทนที่น่าสนใจ หรือการไลฟ์ขายสินค้าได้ในแพลทฟอร์มนี้ รวมถึงเพิ่มการรับรู้จากการรีวิวสินค้าจากกลุ่ม Influencer ให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งการทำการตลาดออนไลน์ เราจึงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เข้าถึงในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด